พัฒนาการปกติ เดือนที่ 4

พัฒนาการปกติ เดือนที่ 4 “ เริ่มเปลี่ยนไป”

 
       ดูเหมือนอยู่ๆ ลูกก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เอาแต่กินกับนอน (กับร้องกวน) ก็กลายเป็นเด็กเรียบร้อย น่ารักขึ้น ทักทายเล่นกับคนอื่นๆมากขึ้น ผมที่ดูบางหรอมแหรม ก็เริ่มจะมีผมจริงของเขาขึ้นมาแซมมากขึ้น แต่ยังต้องคอยอีก 1- 2 เดือนที่จะเห็นได้ชัด

    ตอนปลายเดือนที่ 4 จะเห็นว่า ลูกมีความสามารถในการใช้มือและเท้าได้มากขึ้น เขาจะเริ่มหัดพลิกตัวกลับไปมา และบางครั้งกว่าจะรู้ว่าลูกทำได้ คุณก็พบว่าลูกได้ตกเตียงลงมาแล้ว ลูกจะดูจ้ำม่ำขึ้น เนื้อแน่น อุ้มแล้วเมื่อยมือ เพราะเขาจะดิ้น ถีบตัวไปมาบ้างตามอารมณ์ ขณะนอนคว่ำเขาจะสามารถยกศีรษะขึ้นได้ดี และยกอกพ้นพื้นได้นานขึ้น เมื่อนอนหงาย เขาจะสามารถหันศีรษะได้ 180 องศา มองตามคุณได้ตลอด และเกร็งคอ ผงกศีรษะตามขึ้นได้

เมื่อคุณทำท่าจะมาอุ้มเขาขึ้น หรือเมื่อคุณเอานิ้วมือของคุณให้เขาจับ และพยายามเหนี่ยวตัวเขาขึ้น เขาจะสามารถดึงตัวเขาขึ้นมาได้เอง โดยที่คอไม่อ่อน และศีรษะไม่ห้อยตกไปด้านหลัง ลูกจะแสดงท่าทางดีใจ และอยากเล่นกับผู้คนมากขึ้น เขาจะเตะถีบขาทั้งสอง และปัดมือไปมา รวมทั้งสามารถยกขามาให้มือเขาจับได้

   ในบางรายอาจจะเริ่มเห็นเด็กทำท่าเหมือนว่ายบก นั่นเป็นการเริ่มต้นของการหัดคืบ และคลานของเด็ก
รอยยิ้มอย่างดีใจจะเปิดกว้าง สำหรับคนที่เขาชอบและคุ้นเคย เขาจะชอบที่จะทำเสียงเลียนเสียงคุณ ถ้ามีคนคุยด้วยกับเขา เขาจะส่งเสียงโต้ตอบมากขึ้น และเล่นสนุกอยู่ได้นาน คุณอาจรู้สึกว่า ลูกมีน้ำลายไหลมาก อาจเป็นจากการที่มีการสร้างน้ำลายมากขึ้น และเด็กยังไม่รู้จักการกลืนน้ำลายนัก ทำให้หน้า
ของเขาเริ่มมีผื่นขึ้น จากการเปื้อนน้ำลาย และอาหารที่เขาทาน

       ลูกจะสามารถได้ยินเสียงต่างๆได้ดีเหมือนผู้ใหญ่ และจะแสดงท่าทางว่า เขาสามารถแยกแยะชนิดของเสียงได้ เช่น เสียงคุณแม่ เสียงดนตรี หรือ เสียงดังน่าตกใจเขาจะมีสีหน้าที่แตกต่างกัน เมื่อมีเสียงเหล่านี้ขึ้น ลูกจะสนุกกับการที่มีคนเล่นด้วย ดังนั้นของเล่นที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการที่ดีสำหรับเขาก็คือ การให้คนที่อยู่ใกล้กับเขา คอยเล่นกับเขานั่นเอง เช่นกันลูกจะมองเห็นได้ดีขึ้นและไกลขึ้น ประมาณ 12 ฟุต แต่เขาก็จะยังให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเขามากกว่า และจะเอามือ
คว้าของที่เขาเห็น และเอาเข้าปาก

เวลานอนของลูกก็จะดีขึ้น ส่วนใหญ่จะเริ่มนอนหลับได้ยาวตลอดคืน คุณจะสามารถดูว่าลูกง่วงนอนหรือไม่ โดยการสังเกต การหาว, การเซื่องลงไม่อยากเล่น หรือการเริ่มขยี้ตา เกาหู ตาปรอย และหลับไปในที่สุด

     ในช่วงอายุ 4-6 เดือนเต็ม คุณหมอก็มักจะแนะนำให้คุณเริ่มอาหารเสริม ซึ่งจะต้องดูว่าลูกพร้อมที่จะกลืนเป็นหรือยัง เด็กบางคนอาจจะยังกลืนไม่เก่ง และจะชอบเอาลิ้นดุนอาหารออกมา หรือทำท่าติดคอ ขย้อนอาหารออก ซึ่งถ้าเป็นดังนั้น ก็ควรจะรอไปก่อน และพยายามใหม่ในอีก 1-2 อาทิตย์ต่อมา ไม่ควรพยายามบังคับป้อนให้ทานจนได้

   ควรระมัดระวังเรื่องการแพ้สารอาหาร ด้วย โดยทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงการให้อาหารทะเลทุกชนิด โดยเฉพาะพวกที่มีเปลือกหุ้ม เช่น กุ้ง ปู และปลาหมึก รวมทั้งไข่ขาว เพราะจะเกิดการแพ้อาหารประเภทนี้ได้ง่าย (ถ้าคุณมีประวัติแพ้ค่อนข้างมาก ควรปรึกษาแพทย์ เรื่องเหล่านี้ก่อนเริ่มอาหารเสริมให้ลูก) ควรเริ่มให้ทีละอย่างและทีละน้อย ไปหลายวัน ก่อนที่จะสรุปว่า ลูกไม่แพ้สารอาหารชนิดนั้นๆ เนื่องจากตอนนี้ การป้อนอาหารเสริม มีเป้าหมายเพียงให้เขารู้จักรสชาดของอาหารอื่นนอกจากนม และเป็นการฝึกการกลืนเท่านั้น

คุณควรให้เวลากับลูก พูดคุยและเล่นกับลูกทุกวัน แม้ว่าตอนนี้ คุณแม่หลายคนจะต้องกลับไปทำงานแล้ว ลูกจะเริ่มรู้ว่า คุณกับตัวเขาก็ไม่ใช่ว่าจะต้องตัวติดกันตลอดไป และบางครั้งสิ่งที่เขาต้องการ ก็ไม่สามารถจะเรียกร้องได้จากคุณแม่ เขาจะเริ่มมองหาทางเล่นกับคุณ และเริ่มฝึกฝนการใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายเขาได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาการขั้นต่อไปของเขา
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณผู้เขียน
พญ.จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์
http://www.clinicdek.com

พัฒนาการปกติ เดือนที่ 3

พัฒนาการปกติ เดือนที่ 3 “ กำลังน่ารัก”


          ตอนนี้คุณแม่คงพอจะมองออกแล้วว่า ลูกจะมีลักษณะนิสัยเป็นอย่างไร เด็กจะเริ่มแสดง “บุคลิก” ของเขาให้เห็น และการแสดงออก เพื่อตอบสนองต่อสิ่งต่างๆของเขานั้น ก็จะเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นจากเดิม ที่จะเป็นไปตามความต้องการพื้นฐานเบื้องต้นเท่านั้น การมีสิ่งเร้ามากระตุ้นเด็กที่เหมาะสม จะช่วยในการพัฒนาของลูก จากเดิมที่เมื่อลูกตื่น จะต้องการให้อุ้มและป้อนนม ก็จะเริ่มเป็นว่าเขาต้องการให้คุณคุยกับเขา เล่นกับเขา และจะเริ่มไม่ยอมเมื่อถูกทิ้งให้เล่นคนเดียว ลูกจะชอบมากที่มีคนมาพูดคุยด้วย ได้เห็นคุณทำท่าสั่นหัว ตบมือ หรือแม้แต่แลบลิ้น ทำหลอกเล่นกับเขาลูกจะเริ่มเล่นเสียงต่างๆมากขึ้น


              การได้ยินเสียงดนตรี หรือเสียงที่น่าสนใจ จะช่วยทำให้เขาหยุดร้องเมื่อยามที่กำลังงอแง และจะมีท่าทีตอบสนองโดยส่งเสียงอ้อแอ้ตอบบ้าง เมื่อใกล้ 4 เดือน ลูกจะชอบทำเสียงคุยอ้อแอ้ อืออา เมื่อมีคนมาคุยด้วยได้นานพอควร บางครั้งอาจนานถึง 20 นาที ถ้าเขามีอารมณ์ดี ช่วงนี้เด็กจะเริ่มหันหาเสียงที่ได้ยินดีขึ้น และเสียงคุยที่อ่อนโยนนุ่มนวลของคุณแม่ จะกระตุ้นให้เขาส่งเสียงโต้ตอบได้ดีกว่าเสียงที่ดังหวือหวา

          ลูกจะมองตามคุณแม่ที่เดินไปมาอยู่ต่อหน้าเขาได้ดีขึ้น ช่วงเดือนที่ 3 นี้ลูกจะยังชอบกำมือ และอมมืออย่างอร่อย แต่ในเวลาไม่นาน ลูกก็จะเริ่มรู้จักเปิดมือ และเริ่มคว้าจับ ลูกจะลองใช้นิ้วมือ ลองขยับนิ้วเล่น และยกมือขึ้นมามอง จะเริ่มจำสิ่งต่างๆได้มากขึ้น และแสดงท่าทีดีใจ เมื่อได้เห็นสิ่งที่เขาชอบ โดยเฉพาะเวลาที่เห็นคุณแม่ เวลาที่คุณอยู่กับลูก เช่น เวลาอาบน้ำ, ขณะเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือป้อนนม ก็ควรพยายามพูดกับลูกเสมอๆ ด้วยเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล ด้วยคำสั้นๆ โดยการเรียกชื่อของส่วนต่างๆของร่างกายของลูก เช่น “ ยกแขน” ขณะที่คุณกำลังจับแขนลูก ฯลฯ แม้ว่าลูกจะยังไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูดนัก แต่ก็จะเป็นการสอนให้ลูกรับรู้โทนเสียงรู้จังหวะของการสนทนา และความหมายกว้างๆของคำนั้นได้
เมื่อคุณประคองตัวลูกขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง ลูกจะชันคอได้ดีขึ้น แต่ยังต้องคอยจับไว้ไม่ให้ล้ม เมื่อวางนอนคว่ำ เขาจะพยายามยกหัวและหน้าอกให้พ้นพื้นได้ช่วงสั้นๆ

           เวลานอนหงายอยู่เขาจะเริ่มใช้มือปัดป่ายไปมา และเอามือทั้ง 2 ข้างมาเล่นด้วยกันได้
จากนี้ไปคุณควรเตรียมที่จะจัดให้ห้องลูก และบริเวณที่จะให้เด็กอยู่เป็นส่วนใหญ่ ให้เป็นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก (Babyproofing area) พยายามให้ทำความสะอาดได้ง่าย ไม่มีของที่อาจเป็นอันตรายอยู่ใกล้ๆ เช่น กระติกน้ำร้อน, น้ำยาทำความสะอาดพื้น, เครื่องแก้วที่แตกง่าย หรือ ของที่มีขนาดเล็กๆ ที่เด็กอาจจะเอาเข้าปากได้ง่ายๆ เช่น ยาเม็ดของผู้ใหญ่, เม็ดกระดุม, ของเล่นที่อาจมีชิ้นส่วนเล็กๆ ที่อาจหลุดเข้าปาก ทำให้สำลักลงปอดได้ เพราะอีกไม่นาน ลูกจะสามารถพลิกตัวหรือคืบไป
จนถึงสิ่งเหล่านี้ และอาจเกิดอันตรายได้


          ในช่วงนี้ แม้ว่ากิจกรรมต่างๆของลูกดูเหมือนจะเริ่มเป็นเวลา ที่เหมือนจะแน่นอนขึ้น แต่ก็พบว่า บางครั้งอาจไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ถ้าเขาง่วงมาก อาจหลับไปเลยหรืออาจจะงอแงกวนอยู่พักใหญ่ ทำอะไรให้ก็ไม่เอา แต่ก็ขอให้เข้าใจ และให้จัดเวลาทำกิจกรรมต่างๆ อย่างสม่ำเสมอเหมือนเดิมในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยให้เขาปรับตัวได้ดีกว่าการเปลี่ยนกิจกรรมไปมา จนลูกสับสนคาดเดาไม่ได้ว่าจะทำอะไรต่อไป อีกไม่นานเขาก็จะเข้าที่ดีกว่านี้


          ในเวลากลางคืน ลูกจะเริ่มนอนได้นานขึ้น แต่ก็ยังจะมีการตื่นขึ้นมาทานนมบ้าง สักมื้อหนึ่ง หรืออาจจะตื่นมากวน พลิกตัวไปมา เหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น คุณไม่ต้องคอยกังวล และพยายามรีบเข้ามาอุ้มลูก ป้อนนม หรือกล่อมลูก เพื่อให้เขาได้หลับเหมือนเมื่อก่อน เพราะบางครั้งลูกจะดูเหมือนตื่น แต่ก็สามารถหลับต่อได้เองในเวลาต่อมา คุณสามารถช่วยฝึกลูก ให้เขาจัดระเบียบการนอน การตื่น ได้ดีขึ้น โดยในช่วงกลางวันเมื่อเขาตื่น ให้พยายามทำบรรยากาศให้สดใส น่าสนใจ ชวนลูกคุยเล่น หรือพาออกจากเตียงของเขาเพื่อให้เขาตื่นนานขึ้นในตอนกลางวัน

       และเมื่อถึงเวลานอนตอนกลางคืน ก็พยายามปรับสภาพแวดล้อม ให้อยู่ในความสงบ สร้างบรรยากาศในการนอน เช่น ให้ไฟในห้องไม่สว่างนัก ไม่มีเสียงดังจากทีวี หรือโทรศัพท์คอยกวน ไม่ชวนลูกคุยหรือเล่นในเวลากลางคืน เพื่อให้ลูกค่อยๆเรียนรู้ว่ากลางคืน มืด เงียบ ต้องนอน ปรับอุณหภูมิในห้องให้เย็นสบาย และอาจจะป้อนนมก่อนนอน พร้อมกับการเปลี่ยนผ้าอ้อมใหม่ให้ เพื่อให้เขาได้หลับอย่างสบาย และอาจรวมถึงการกล่อมลูกให้นอนอย่างที่คุณถนัดด้วย


       มาถึงตอนนี้คุณแม่และลูกก็จะรู้ใจกันมากขึ้น คุณรู้ได้ว่าท่าทางและการร้องของเขานั้นหมายถึงอะไร และคุณควรจะทำอย่างไรให้เขาสบาย และอบอุ่นที่มีคุณอยู่
ใกล้ๆคอยดูแลเขา เขาจะเริ่มมีความไว้วางใจในสิ่งรอบข้าง ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีต่อบุคลิกภาพ และอารมณ์ของเขาในอนาคต
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณผู้เขียน
พญ.จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์
http://www.clinicdek.com

พัฒนาการปกติ เดือนที่ 2

พัฒนาการปกติ  เดือนที่ 2    “ สนใจสิ่งรอบข้าง”


             พอเข้าเดือนที่ 2 คุณแม่จะรู้ใจลูกได้ดีขึ้น การป้อนนม การขับถ่าย เริ่มจะเป็นระบบระเบียบมากขึ้น แต่บางครั้งก็ยังอาจมีรายการ “ผิดคิว” ได้บ้าง

     ลูกจะสามารถแสดงออกทางอารมณ์ให้คุณรับรู้ได้มากขึ้น เขาจะเริ่มแสดงสีหน้าที่มีความสุข ชอบไม่ชอบได้บ้าง ในช่วงนี้ จะเริ่มเห็น รอยยิ้มอย่างมีความหมายของลูกได้ (Social smile) เมื่อเขาเห็นคุณแม่ เด็กจะยิ้มทักทายหรือยิ้มตอบ เด็กจะปัดป่ายแขนขาของเขาไปมาได้ดีขึ้น เป็นการออกกำลังของเขา

     ระบบประสาทเกี่ยวกับการได้ยิน และการมองเห็น เริ่มจะมีการทำงานสอดคล้องกัน (coordination) ลูกจะหยุดฟังเสียงที่คุ้นเคย และกลอกตาไปทางที่มาของเสียงนั้น ลูกจะเริ่มทำเสียงอืออาในคอ โดยเฉพาะเมื่อมีคนคุยด้วย ลูกจะมองตามสิ่งที่เคลื่อนไหวช้าๆอยู่ตรงหน้า โดยจะทำได้ในแนวราบจากข้างหนึ่ง ไปอีกข้างหนึ่งได้ก่อน แล้วจึงค่อยเป็นในแนวดิ่ง จากบนลงล่าง หรือจากล่างขึ้นบน

     ในช่วงนี้ลูกจะชอบดูดมือเวลาหิว และชอบที่จะมีอะไรอยู่ในปากเสมอๆ เชื่อว่าการทำเช่นนี้ เป็นการที่เด็กจะเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างใกล้ตัวเขา และรวมไปถึงส่วนต่างๆของร่างกาย (โดยเฉพาะมือ) ของเขา ไม่ควรจะไปคอยดึงเอามือเด็ก ออกจากปากไม่ให้เขาได้ดูด เพราะจะเป็นการไปห้ามการเรียนรู้ของเขา และทำให้เขาเครียดและหงุดหงิด ส่วนการจะให้เด็กได้ดูดมือต่อไปนานๆ หรือ ให้เป็นหัวนมปลอมแทนหรือไม่นั้น คุณควรจะปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ทราบถึงข้อดีข้อเสียก่อนตัดสินใจ

     ในช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่ที่รู้สึกว่า ไม่ค่อยได้นอนเต็มอิ่ม เพราะต้องคอยตื่นมาป้อนนมลูก ทุก 3 ชั่วโมง ก็จะรู้สึกว่าเริ่มสบายขึ้น เพราะลูกในวัยนี้ จะเริ่มมีการนอนที่ยาวขึ้น แต่ส่วนใหญ่ก็ยังจะตื่นมาให้ป้อนนมอยู่ โดยทั่วไปเมื่อเด็กมี น้ำหนักตัวประมาณ 5 กก. เศษ ขึ้นไป เด็กบางคนอาจหลับได้ติดต่อกันเกือบตลอดคืน โดยไม่ตื่นขึ้นมากวนเลย คุณแม่ไม่จำเป็นต้องปลุกลูกขึ้นมาป้อนนมเหมือนช่วงเดือนแรก ด้วยความห่วงกลัวว่า เขาจะหิว หรือได้นมไม่พอ กลัวลูกจะไม่อ้วน ควรให้เขาได้นอน ตามที่เขาต้องการจะดีกว่า

เมื่อนอนคว่ำ ลูกจะเริ่มยกศีรษะขึ้นได้เองบ้างชั่วครู่ และเมื่ออุ้ม ก็จะสามารถชันคอได้ดีกว่าก่อน ส่วนการจัดท่านอนให้ลูกนั้น โดยทั่วไป แนะนำให้นอนหงาย เนื่องจากมีรายงานว่า ในทารกที่นอนคว่ำ มีความเสี่ยงในการที่จะเกิดการเสียชีวิตของเด็ก โดยไม่ทราบสาเหตุ ที่เรียกว่า Sudden Infant Death Syndrome (SIDS) ได้มากกว่า คุณพ่อคุณแม่ อาจจะกังวลว่า การนอนหงายเสมอๆ อาจทำให้รูปศีรษะแบนไม่สวย ซึ่งก็จะสามารถช่วยได้ โดยการให้เด็กนอนตะแคงตัวซ้ายขวา สลับกันบ้าง และจัดหาหมอนหนุนไหล่ หรือศีรษะที่เหมาะสม

     คุณพ่อก็มีบทบาทสำคัญ ในการช่วยกันดูแลลูก เพราะคุณพ่อและคุณแม่ จะมีวิธีการตอบสนอง หรือการเล่นกับลูกที่แตกต่างกัน การที่คุณพ่อช่วยดูแลลูกนั้น เป็นการสร้าง “สายใยแห่งรัก” ของครอบครัว ให้แน่นแฟ้นขึ้น

     ในบางเวลา คุณอาจจะคิดไปถึงอนาคต อาจจะรู้สึกไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี้ เหมาะสมหรือไม่ เพราะดูลูกก็ยังเล็กมากเหลือเกิน แต่หมอก็อยากจะบอกว่า ไม่มีอะไรจะมีค่า มากกว่าความรักและความเอาใจใส่ ที่คุณพ่อและคุณแม่มีต่อเขา ประสบการณ์ต่างๆ ที่คุณได้จากการเลี้ยงลูก จะช่วยให้คุณทั้งสอง มีวุฒิภาวะมากขึ้น และเข้าใจการใช้ชีวิตคู่มากขึ้น คุณจะเริ่มเรียนรู้การเปลี่ยนแปลง จากสภาวะคู่รักอันหวานชื่น กลายเป็น คู่ชีวิต ที่จะมีความสุขและทุกข์ร่วมกันไปตลอด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะเป็นรากฐานอันสำคัญ ในอนาคตของลูก

------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณผู้เขียน
พญ.จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์
http://www.clinicdek.com

พัฒนาการเด็กวัย 1 เดือน

พัฒนาการปกติ เดือนที่ 1 “เริ่มรู้จักกัน”


            ในช่วงแรกนี้ เป็นการทำความรู้จักกัน หลังจากที่ได้แต่ส่งใจถึงกันมานาน ตลอด 9 เดือน คุณแม่ต้องปรับตัวพยายามอ่านใจลูก ว่าเขาเป็นอย่างไร ต้องการอะไรและลูกเองก็กำลังเรียนรู้ ที่จะตอบสนองกับคุณเช่นกัน

       เมื่อกลับออกจาก ร.พ. มาอยู่ที่บ้าน คุณแม่บางคนอาจจะได้รับคำแนะนำ และความช่วยเหลือต่างๆมากมาย จากคนรอบข้าง ในการรับคำแนะนำต่างๆเหล่านี้ คุณแม่ต้องเข้าใจว่า เด็กแต่ละคนนั้น จะมีความแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องการกิน การนอน และแม้แต่การร้องกวน ดังนั้นข้อแนะนำต่างๆ ที่ใช้ได้ดีกับเด็กคนหนึ่ง อาจจะดูเหมือนไม่ได้ผล เมื่อนำมาใช้กับเด็กอีกคนหนึ่ง คุณจึงควรต้องใช้ความช่างสังเกต และสัญชาติญาณของความเป็นแม่ ปรับเปลี่ยนการดูแลลูก ไปตามที่เห็นสมควรร่วมกับการสอบถาม หาความรู้จากกุมารแพทย์ที่ดูแลลูกด้วย

    การร้องไห้ เป็นวิธีเดียวที่ลูกน้อยของคุณถนัด และเป็นการพยายามสื่อสารกับคุณแม่ เพื่อที่จะบอกว่าเขากำลังต้องการอะไรบางอย่างจากคุณ อาจเป็นการป้อนนมการเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือการอุ้ม เพื่อให้เขารู้สึกอบอุ่นและสบายใจว่าจะได้รับการดูแลปกป้อง

คุณแม่ต้องพยายามสังเกตว่าเสียงร้องแต่ละแบบที่ต่างกันนั้น หมายถึงอะไร ในเวลาไม่นาน คุณแม่ก็จะเดาใจลูกได้ถูกว่าเสียงร้อง และท่าทางที่เขากำลังแสดงอยู่นี้ หมายความว่าอย่างไร และถ้าตอบสนองได้ถูกต้องลูกก็จะหยุดร้อง แต่ก็อาจจะมีบางครั้ง ที่ลูกอาจจะร้องกวนโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้คุณเริ่มมีความวิตกว่า จะเกิดอะไรผิดปกติกับลูก การตอบสนองโดยการอุ้มกล่อมเด็ก เพื่อให้เขาเกิดความสบายใจ และหยุดร้องอย่างเหมาะสมนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องและดีกว่าการที่จะปล่อยให้ลูก
ร้องไปจนกว่าจะเหนื่อย จนหยุดร้องไปเอง โดยไม่ยอมตอบสนองต่อความต้องการของเขา (บางคนเข้าใจผิดว่า การปล่อยให้ร้องนานๆ เป็นการบริหารปอด หรือการอุ้มเวลาร้อง จะทำให้เด็กเคยตัว หรือติดมือ)

    คุณอาจจะต้องลองพยายามหาท่าอุ้ม ท่าป้อนนม หรือการกล่อมเด็ก ที่คิดว่าจะทำให้เด็กสงบลงได้ และถ้าคุณรู้สึกว่ากำลังเครียด และไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดีควรที่จะหาคนช่วย (เช่นคุณพ่อ, คุณยาย หรือพี่เลี้ยง) มาดูแลลูกสักพัก อย่างน้อยก็ให้คุณได้มีเวลาตั้งสติ และเริ่มมองหาวิธีอื่นที่จะช่วยลูกได้
สะดือของเด็กจะเริ่มแห้ง และหลุดไปเองในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ไม่ควรโรยแป้งลงในหลุมสะดือ แต่ควรใช้ 70% แอลกอฮอ หรือ เบตาดีน ทำความสะอาดสะดือที่กำลังจะหลุด โดยการหยอดลงไปที่หลุมสะดือหรือเช็ดลงไปให้ถึงฐานสะดือโดยรอบ วันละอย่างน้อย 1-2 ครั้ง จนกว่าจะหลุด การทำดังนี้จะไม่เกิดการเจ็บแสบและจะป้องกันการติดเชื้อได้ดี


         การทานนมและการขับถ่ายในช่วงแรกๆนั้น ส่วนใหญ่เด็กจะตื่นมาทานนม และถ่ายค่อนข้างบ่อย ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของเด็กเมื่อหิว เด็กยังไม่รู้จักเวลา ว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืน และมักจะถ่าย หลังการทานนมแทบทุกมื้อ เนื่องจากเป็นรีเฟลกซ์ (การทำงานของระบบประสาท ที่ไม่ต้องคอยคำสั่งจากสมอง) ที่ลำไส้จะเตรียมที่ไว้ สำหรับรับนมที่เพิ่งทานเข้าไปในกระเพาะ
เด็กหลายคน จะมีการสะอึกค่อนข้างมาก หลังการทานนม ซึ่งคุณแม่คงต้องใจเย็นๆอุ้มทำให้เรอ แล้วอาการสะอึกจะดีขึ้น นอกจากนี้หลายรายจะมีการแหวะนมเล็กน้อย เมื่อวางเด็กลงนอน ซึ่งถือว่าเป็นปกติ แต่ในรายที่มีการป้อนนมมากเกินไป (Overfeeding) ก็จะมีอาเจียนได้มาก หรือบางครั้งจะมีปัญหา รีฟลักซ์ คือการที่กระเพาะบีบตัว ขย้อนเอานมกลับออกมาทางปาก ที่เรียกว่า Gastro-esophageal reflux (GER) ซึ่งพบได้บ่อยในทารกคลอดก่อนกำหนด ถ้าลูกมีอาเจียนค่อนข้างบ่อยควรปรึกษาแพทย์

       ในทารกแรกเกิดนั้นมีรีเฟลกซ์หลายอย่าง ที่เห็นกันได้ง่าย คือ โมโร่รีเฟลกซ์ (MORO Reflex) เมื่อเด็กร้องหรือตกใจ จะดูเหมือนทำท่าผวา มือเท้าสั่น, รีเฟลกซ์การเข้าหาหัวนม และดูดนม ( Rooting and sucking reflexes), เด็กบางคนจะยังมีรีเฟลกซ์การจาม (sneezing reflex) อยู่บ้าง และเช่นกัน บางครั้งจะเห็นลูกนอนอยู่เฉยๆ แต่ก็ยิ้มอย่างน่ารักได้ ที่ผู้ใหญ่เรียกว่า “ยิ้มกับแม่ซื้อ” ซึ่งก็เป็นรีเฟลกซ์อีกอย่างหนึ่งนั่นเอง

       ในระยะนี้ ลูกจะเริ่มลืมตามองมากขึ้น ถ้าแสงในห้องไม่สว่างจ้าจนเกินไปนัก ประมาณว่าเด็กจะมองเห็นได้ดี ในช่วงระยะประมาณ 1 ฟุต ซึ่งก็คือ ระยะที่ลูกจะเห็นหน้าคุณแม่ ในขณะป้อนนมนั่นเอง แต่การแปลผลภาพที่เห็นนั้น จะยังต้องใช้การทำงานของสมองส่วนต่างๆ อีกหลายระดับ แต่ลูกจะมีสัญชาตญาณรู้ว่า คุณคือคุณแม่จากประสาทสัมผัสพิเศษอื่นๆอีก คือ การได้กลิ่นกายของคุณแม่ เสียงคุณแม่ที่เขาคุ้น ตั้งแต่อยู่ในท้อง การสัมผัสทางผิวกายขณะที่คุณแม่ป้อนนมเขา (ซึ่งการให้นม
แม่โดยการดูดจากเต้านมนั้น จะได้มีการสัมผัสทางกายและทางใจมากกว่าการป้อนโดยใช้นมขวด) สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกรู้ว่า คุณคือคุณแม่ ไม่ใช่พี่เลี้ยง หรือคุณยาย ที่กำลังอุ้มเขาอยู่

การที่คุณเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่นั้น อาจทำให้คุณเกิดคำถามและความวิตกกังวลต่างๆได้มากมาย อยากให้คุณรวบรวมปัญหาคาใจต่างๆ นี้ไว้ เพื่อคุยกับกุมารแพทย์ที่ดูแลลูกของคุณ เพื่อที่จะได้เกิดความเข้าใจ และมีความมั่นใจ ที่จะดูแลลูกได้ต่อไป คุณหมอเด็กทุกคน ยินดีที่จะช่วยตอบคำถามเหล่านี้เสมอ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณผู้เขียน
พญ.จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์
http://www.clinicdek.com

100 เคล็ดลับ กับเรื่องน่ารู้

เคล็ดลับดีๆ ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันของเรา  บางคนอาจจะเจอแบบที่ต้องนำไปใช้หลายข้อ
มีสารพัดวิธีแก้ปัญหาต่างๆ ถึง 100 ข้อในวันนี้  มีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย



1. โรงรถมีกลิ่นอับมาก จะขจัดกลิ่นออกได้โดยโรยหญ้าที่เพิ่งตัดมาใหม่ๆ ลงบนพื้นโรงรถ แล้วปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง ต้นหญ้าจะดูดเอากลิ่นอับในโรงรถออกไปจนหมด

2. ถ้าต้องการอบผ้า 2-3 ชิ้นให้แห้งเร็วขึ้นทำได้โดยหาผ้าขนหนูสะอาดๆ ใส่ลงไปในเครื่องด้วยเพราะผ้าขนหนูจะไปช่วยดูดซับความชื้นทำให้ผ้าแห้งเร็วขึ้นอีก

3. วิธีทำให้กรอบกระจกเงา หรือกรอบกระจกรูปภาพมองดูใหม่เสมอ ทำได้โดยการใช้ผ้าชุบน้ำมันสน แล้วทาบริเวณกรอบไม้ รอจนแห้งสนิท กรอบจะมองดูใหม่ทันที

4. วิธีล้างคราบสกปรกที่แก้วเจียระไน ทำง่ายๆคือหาเปลือกฝรั่งใส่ลงไปในแก้วเจียระไน แช่ทิ้งไว้สัก 2-3 ชั่วโมงแล้วล้างด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้แก้วจะดูใสสะอาด

5. วิธีทำความสะอาดเครื่องเคลือบที่ทำด้วยทองเหลืองมีวิธีการทำง่ายๆ คือนำเอาหัวหอมมาต้มในน้ำเดือด แล้วนำมาขัดลงบนเครื่องเคลือบเพียงเท่านี้เครื่องเคลือบจะมองดู ใหม่สะอาดหมดจดทีเดียว

6. วิธีการขจัดคราบไขมันที่ติดรอบท่ออ่างล้างจาน ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานๆ จะเป็นเหตุให้ท่ออุดตันได้ มีวิธีทำคือ นำเกลือแกงใส่ลงไปในท่อ 2-3 ช้อน จากนั้นนำเบกกิ้งโซดาหรือผงฟูต้มน้ำให้เดือดแล้วเทลงไป ไขมันที่อุดตันก็จะหลุดออกไปหมด

7. วิธีขจัดพวกมดแมลงมาขึ้นถังขยะทำได้ง่ายๆ โดยหยดแอมโมเนียลงข้างๆ ถังขยะ สักเล็กน้อย กลิ่นแอมโมเนียจะทำให้มดแมลงไม่กล้าเข้ามาใกล้ถังขยะอีก

8. การรักษาเครื่องมือทำสวนที่เป็นโลหะไม่ให้ผุกร่อนได้ง่ายมี วิธีการรักษาโดยใช้วาสลินทาผิวของโลหะทุกครั้งเมื่อใช้เสร็จแล้ว และนำมาทำความสะอาดอีกครั้ง

9. การใช้เตาแก๊สแบบประหยัด ทำได้โดยปรับเปลวไฟให้เป็นสีน้ำเงินเสมอ และไม่ควรเปิดไฟแก๊สให้สูงกว่าก้นหม้อด้วยจะทำให้หม้อร้อนช้า ควรปรับระดับให้พอดีกับก้นหม้อ

10. วิธีดับกลิ่นเหม็นในถังขยะไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้านหรือในบ้านให้หมดกลิ่นได้ทำ ได้โดยใส่เปลือกมะนาว หรือเปลือกส้ม เขียวหวาน ส้มโอก็ได้ใส่ลงไปในถังขยะ กลิ่นส้มจะไปลดกลิ่นลงทำให้มีกลิ่นน้อยลง

11. การขัดรอยแมลงวันบนกระจกมีเคล็บลัดคือ ใช้ผงกาแฟคั่วหนึ่งช้อนผสมกับน้ำมันก๊าดหนึ่งลิตร และใช้เศษผ้าชุบเช็ดกระจกรอยแมลงวันก็จะหมดไป

12. หากต้องการทาสีห้องใหม่ แต่กลัวว่าห้องจะมีแต่กลิ่นเหม็นของสี อยู่หลายวันมีวิธีขจัดกลิ่นเหม็นของ สีคือก่อนจะทาสีให้ผสมน้ำวานิลลา 1 ช้อนชาต่อสี 1 แกลลอนคนให้เข้ากันแล้ว จึงนำไปทาห้อง สีที่ ทาใหม่จะไม่มีกลิ่นเหม็นเป็นเด็ดขาด

13. วิธีการป้องกันไม่ให้ถุงในเครื่องดูดฝุ่นโดนแมลงกัดเป็นรูคือ นำการบูรหรือลูกเหม็นใส่เข้าไปในถุงดูดฝุ่นสัก 1ก้อน นอกจากป้องกันแมลงแล้วยังป้องกันกลิ่นอับอีกด้วย

14. แก้ปัญหายุงไปไข่ทิ้งไว้ในแท็งก์น้ำ ทำให้มีลูกน้ำว่ายวนอยู่ในแท็งมีวิธีทำคือ นำอิฐแดงๆ ที่ใช้ในการก่อสร้างมาเผาไฟให้ร้อนๆ แล้วเอาใส่ลงไปในแท็งก์น้ำทันที เพียงเท่านี้ยุงจะไม่กล้าเข้าไปไข่ทิ้งไว้อีกเลย

15. วิธีกำจัดต้นหญ้าที่ขึ้นไม่ถูกที่ ทำได้โดยใช้เกลือโรยตรงส่วนที่ต้นหญ้าขึ้น เหตุเพราะเกลือจะไปทำให้ดินตรงที่ต้นหญ้าขึ้นอยู่เค็มจึงทำให้ต้นหญ้าตายใน ที่สุด

16. น้ำประปาที่มีกลิ่นคลอรีนแรงมากมีวิธีกำจัดกลิ่นให้หมดไปโดยฝานมะนาวบางๆ ลงไปในน้ำ มะนาวจะช่วยดูดกลิ่น คลอรีนให้หมดไป และทำให้น้ำดื่มได้อีกด้วย

17. ขอบยางประตูตู้เย็นมีราขึ้น จะมีวิธีลบราออกได้โดยใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูแล้วนำ ไปถูตรงขอบยางประตู ตู้เย็นที่เป็นรา ราก็ออกไปได้โดยง่ายดาย

18. ขจัดปัญหาหมาแมวฉี่และอุจจาระไม่เลือกที่ทำได้โดยการโรยพริกไทยป่นลงไป บนที่มันเคยฉี่หรืออุจจาระไว้เพียงเท่านี้หมา แมวก็จะดมกลิ่นหาที่ที่มันเคยฉี่และ อุจจาระไม่เจอ เหตุเพราะพริกไทยป่นจะไปดับกลิ่นหมด ทางที่ดีควรสอนให้มันฉี่และอุจจาระ ในห้องน้ำ หรือบนกระดาษที่เราควรจะวางไว้ให้จนเคยชิน

19. การรักษาไม้กวาดดอกหญ้าที่ซื้อมาใหม่ให้ใช้ไปได้นานๆ ทำได้โดยการจุ่มไม้กวาด ดอกหญ้าในน้ำเกลือร้อนๆขนของไม้กวาดจะเกาะตัวกันเวลาใช้จะทนทานไม่ขาดง่าย

20. ตะปูที่ตอกไว้ข้างฝาคอนกรีตสำหรับแขวนรูปหลวม มีวิธีแก้ไขง่ายๆ คือ ใช้สำลีพันตะปูชุบกาวและตอกเข้าไปใหม่ กาวที่สำลีจะยึดติดกันแน่น

21. วิธีการขจัดกลิ่นเหม็นสาปที่ติดอยู่ในกระติกน้ำแข็งทำได้โดยนำเบกกิ้งโซดามา ผสม กับน้ำร้อน และนำมาล้างถูกระติกน้ำให้ทั่ว แล้วล้างน้ำอีกครั้งกลิ่นสาปก็จะหายไป

22. วิธีการเก็บสายยางที่ยาว ไว้โดยไม่เปลืองเนื้อที่ ทำได้โดยม้วนสอดเข้าไปในยางรถ ยนต์อันที่ไม่ใช้แล้ว เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

23. ขจัดปัญหากลิ่นส้วมเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบ้านคือใช้นำมันก๊าดประมาณ 1 ขวดใหญ่ มาเทราดลงไปในคอห่านแล้วเทน้ำตามลงไปเพื่อขจัดกลิ่นน้ำมันก๊าดให้หมด

24. วิธีป้องกันหมาแมวตัวโปรดมากัดแทะเฟอร์นิเจอร์ในบ้านคือใช้น้ำมันยูคาลิปตัส หรือน้ำมันที่มีกลิ่นฉุนทาที่เฟอร์นิเจอร์ กลิ่นฉุนนั้นจะทำให้มันไม่กล้าเข้ามากัดแทะอีก

25. วิธีขจัดรอยเปื้อนด่างดำบนเครื่องใช้ที่เป็นหนังคือ หยดน้ำมันสลัดสัก2-3 หยด ในน้ำสบู่ แล้วใช้แปรงจุ่มน้ำที่ผสมไว้มาถู จากนั้นจึงซักในน้ำสบู่ธรรมดาอีกครั้ง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ต่อด้วยเช็ดให้แห้งผึ่งลมไว้

26. วิธีการดึงสติกเกอร์ที่ติดอยู่บนฝาห้องออกโดยไม่ทิ้งคราบกาวไว้ที่ฝาทำได้ โดยใช้น้ำมันพืชมาทาบนรูปสติกเกอร์แล้วจึงค่อยๆ ดึงออกมา

27. การใช้เครื่องซักผ้าแบบประหยัดที่สุดคือในการซักผ้าแต่ละครั้งควรจะซักผ้าในปริมาณที่มากที่สุด

28. การทำให้ตู้เสื้อผ้าของคุณหอมได้โดยที่ไม่ต้องเปลืองเงินซื้อมาใส่ เพียงแต่คุณใช้เศษสบู่ที่จะทิ้งแล้วไปวางไว้ในมุมใดมุมหนึ่งของตู้ กลิ่นสบู่นั้นก็จะหอมไปทั่วตู้เลย

29. วิธีทำความสะอาดภาชนะอลูมิเนียมให้ใสสะอาดเหมือนใหม่คือนำเอาเปลือกแอปเปิ้ล ต้ม 2-3 นาที แล้วใช้น้ำขัดถูภาชนะอะลูมิเนียมก็จะดูเงาวามเหมือนใหม่

30. วิธีการใช้เตาอบให้ใหม่อยู่เสมอคือ หลังจากใช้เตาอบแล้วควรเช็ดทำความสะอาดทุกครั้ง และทำใน ขณะที่เตายังอุ่นๆ อยู่ เพราะจะเช็ดได้ง่ายกว่าในขณะที่เย็นแล้ว

31. วิธีขจัดรอยคราบเหนียวบนผนังตู้เย็นคือ ใช้น้ำมันพืชเทลงบนกระดาษเช็ดมือ แล้ว ถูจนสะอาด ทำสัก 2-3 ครั้งน้ำมันพืชจะไม่ทำลายความเงาของตู้เย็นหรอก

32. วิธีขจัดกลิ่นเหม็นของท่อระบายน้ำล้างจาน ให้หอมสดชื่นได้คือเทเบกกิ้งโซดา 1 ถ้วย ลงไปในท่อระบายน้ำทิ้งไว้5 นาที เทน้ำส้มสายชูตามลงไปอีก 1 ถ้วย จะขจัดกลิ่นเหม็นได้ดีจริงๆ

33. ในการใช้ยาขัดเฟอร์นิเจอร์ไม่ควรใช้ประเภท เช่น น้ำมัน ขี้ผึ้งบ่อยๆ เพราะอาจจะทำให้ผิวเฟอร์นิเจอร์เกิดความเสียหายได้ง่าย

34. ในการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้าฝ้าย ให้ใช้แปรงทาสีด้ามใหม่ปัดตาม ซอกมุมเฟอร์นิเจอร์ไปพร้อมกันกับการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ทุกครั้ง

35. การทำความสะอาดในซอกเล็กซอกน้อยของโคมไฟ ให้ใช้เครื่องเป่าผม เป่าลมไปตาม ที่มีฝุ่นละอองจับแล้วเช็ดถูทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำอีกครั้ง โคมไฟก็จะดูใหม่เสมอ

36. วิธีลบคราบดวงๆ ที่ติดบนเฟอร์นิเจอร์คือ ให้ใช้จุกไม้ก๊อกถู ถ้าไม่ออกให้ใช้นิ้วมือแตะยาสีฟันผสมขี้เถ้าบูหรี่ถูอีกครั้ง จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดรอยเปื้อนซ้ำอีกครั้ง

37. การทำความสะอาดพื้นกระเบื้องยางคือ ใช้แปรงสีฟันชุบยาสีฟัน แล้วนำไปขัดถูบริเวณรอยเปื้อนให้แรงๆ จะทำให้รอยเปื้อนหลุดออกไปได้โดยง่าย

38. วิธีการตอกฝาผนังตะปูโดยไม่ให้งอคือ ให้ทาปลายตะปูด้วยน้ำส้มสายชูหรือน้ำมันพืช ก่อนที่จะนำมาตอกฝาผนังจะตอกได้คล่องและไม่งอจริงๆ

39. วิธีการทาสีกำแพงให้ติดอยู่ได้ทนนานคือ ก่อนที่จะทาสีกำแพงให้ล้างกำแพงให้สะอาด ด้วย น้ำมันสนเพื่อขจัดคราบสกปรกและสีที่ทาจะติดทนนานไม่ร่อนออกง่าย

40. วิธีแก้ปัญหาเฟอร์นิเจอร์ไม้โป่งออกมาคือ ให้วางผ้าชื้นๆ ลงบนรอยที่โป่ง ใช้เตารีดร้อนๆ ทับบนผ้า จะทำให้คืนสู่สภาพเดิม

41. วิธีขจัดรอยขีดข่วนบนเฟอร์นิเจอร์ไม้คือ ให้ใช้ผ้าแตะยาขัดรองเท้าที่สีเดียวกับไม้ แล้วถูตรงรอยแล้ว ใช้ผ้าขัดต่ออีกครั้ง รอยขีดข่วนก็จะหายไป

42. วิธีการแก้ปัญหาเก้าอี้หวายหย่อนคือ ถ้าอยากให้ตึงให้ล้างเก้าอี้หวายด้วยน้ำสบู่ร้อนๆ แล้วล้างน้ำสบู่ออก นำออกตากแดดกลางแจ้งให้แห้ง หวายที่หย่อนจะตึงเหมือนเดิม

43. วิธีการทำความสะอาดพื้นบ้านไม้ให้เงางามอยู่เสมอคือ ให้ผสมน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยต่อน้ำ 8 ลิตร จะช่วยขจัดเศษฝุ่นละอองและพื้นก็เป็นเงางามอีกด้วย

44. การรักษาเฟอร์นิเจอร์โลหะไม่ให้เป็นสนิมได้ง่ายคือให้ เคลือบโลหะด้วยขี้ผึ้งขัดรถ เมื่อจำเป็นต้องเอาเฟอร์นิเจอร์โลหะไว้ตากน้ำค้าง จะได้ไม่ขึ้นสนิมได้ง่าย

45. วิธีการติดรูปโปสเตอร์บนกำแพงโดยไร้ร่องรอยเมื่อดึงภาพออกคือให้ใช้ยาสีฟัน แทนกาวในณะที่ติดรูป เมื่อถึงเวลาดึงรูปออก ก็เพียงแค่ขัดยาสีฟันที่แห้งออกเท่านั้น ฝาผนังก็สะอาดแล้ว

46. วิธีกำจัดเชื้อราแบบด่วน ใช้น้ำส้มสายชูกลั่นใส่ฟ็อกกี้ฉีดบริเวณเชื้อรา ใช้ผ้าเช็ดหรือแปรงขัด
เชื้อราก็จะตาย

47. วิธีแก้ปัญหาหน้าต่างปิดและเปิดออกได้ยากคือ ให้เอาน้ำมันเครื่องหยอดตรงราง อลูมิเนียมให้ทั่วเพียงเท่านี้ก็จะทำให้เปิดและปิด ได้ง่ายขึ้นกว่าเก่า   อันนี้น่าจะรู้กันอยู่นะคะ ไม่รู้เอามาลงทำไม งง

48. วิธีป้องกันไม่ให้มดขึ้นตู้กับข้าวคือ ใช้เศษผ้าหรือเชือกที่เป็นผ้าไปชุบน้ำมันเครื่อง แล้วบิดพอหมาด นำไปผูกไว้ที่ขาตู้กับข้าวทั้งสี่ขา มดก็จะไม่กล้าขึ้นแน่นอน

49. วิธีการไล่ยุงแบบง่ายๆคือ หาการบูรมาห่อด้วยผ้าแล้วมัดไว้กับหลอดไฟฟ้าที่อยู่ภายใน บ้าน ความร้อนของไฟฟ้าจะทำให้การบูร ระเหยออกไป และกลิ่นของการบูรจะช่วยป้องกันยุงไม่ให้มารบกวน

50. วิธีการไล่หนูแบบง่ายๆ และประหยัดเงินคือ นำไม้ยี่โถไปตากแดดให้แห้ง แล้วนำไปบดเป็นผง เสร็จแล้วนำไปโรยตามซอกที่หนูชอบอยู่ เพียงเท่านี้หนูก็พากันขนย้ายครอบครัวหนีออกไปจากบ้านของคุณไปเลย

51. วิธีการกำจัดปลวกที่ขึ้นบ้านแบบประหยัดคือนำน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วมาราด ให้รอบ บริเวณบ้าน เพียงเท่านี้ก็จะสามารถไล่ปลวกไม่ให้มารบกวนบ้านอีกต่อไป

52. การขัดพื้นกระดานให้เงาแบบโบราณคือ หามะพร้าวมาผ่าครึ่ง ทุบกะลาตรงปากออก สักเล็กน้อย แล้วนำมาคว่ำลงกับพื้นกระดานขัดถูพื้นบ่อยๆ พื้นกระดานจะมองดูเงางามเชียวแหละ

53. โฟมสามารถใช้เป็นประโยชน์ได้หลายอย่างเช่น ใช้ทำเป็นกาวอุดรอยรั่วของภาชนะได้เป็นอย่างดีคือ ก่อนนำมาใช้จะต้องเอาเศษโฟมหักเป็นชิ้นเล็ก แช่น้ำมันทินเนอร์ให้ละลาย เหนียวข้นแล้วนำไปอุดรอยรั่วปล่อยให้แห้ง ก็จะสามารถใช้ต่อไปได้อีกเป็นระยะเวลา ยาวนาน

54. วิธีการปรับเสาทีวีในบ้านด้วยตัวเองทำได้ง่ายๆ คือ หากระดาษตะกั่วหรือหากระดาษฟอยล์ ที่ห่อปลาเผามาพันรอบๆ สายอากาศด้านหลังทีวีหลายๆ รอบ แล้วค่อยๆ รูดไปตามสาย เรื่อยๆ ให้มีคนคอยสังเกตภายในจอทีวีด้วย ถ้าภาพคมชัดก็ให้บีบกระดาษตะกั่วนั้นติดอยู่ กับสายตรงนั้นเลย ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

55. วิธีขจัดสนิมบนราวตากผ้าคือ หาเศษผ้ามาชุบน้ำส้มสายชูถูให้ทั่วแล้วใช้น้ำสบู่ถูทับอีกที ต่อ จากนั้นเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ ตามด้วยผ้าแห้งอีกรอบหนึ่ง สนิมบนราวผ้าก็จะหมดไป

56. การขจัดมีดในครัวเรือนขึ้นสนิมคือ นำมีดนั้นมาถูกับมะนาวหรือหัวหอมก็ได้ แล้วล้างด้วยน้ำ สะอาดเช็ดให้แห้งรับรองได้ว่ามีดทำครัวของคุณจะปราศจากสนิมมาขึ้นอีกเลย

57. การลับมีดในครัวให้มีความคมและอยู่ได้นานๆ ทำได้โดยหยอดน้ำมันก๊าดสัก 2-3 หยดลงบน หินลับมีดแล้วลับไปตามปกติ รับรองมีดของคุณจะคมกริบเชียวละ

58. วิธีขจัดกลิ่นเหม็นอาหารในตู้เย็นติดน้ำดื่มทำได้โดยนำกากกาแฟหรือกากใบชา ที่ชงหมดแล้ว นำมาใส่ไว้ในตู้เย็น กากกาแฟหรือกากใบชา พวกนี้จะดูดกลิ่นอันไม่พึงปรารถนาให้หมดไปจาก ตู้เย็นของคุณ

59. ผงชันยาเรือมีประโยชน์ช่วยป้องกันมดได้อีกแบบหนึ่งคือ นำผงชันยาเรือมาโรยไว้ในขาตู้กับ ข้าว เพียงเท่านี้มดก็จะไม่มารบกวนขาตู้อีกเลย

60. วิธีทำความสะอาดเครื่องซักผ้าให้สะอาดทำได้โดยใช้แอมโมเนียสัก2 แก้วผสมน้ำเย็นธรรมดาครึ่งลิตรใส่ลงในเครื่องซักผ้า แล้วเปิดเครื่องทำงาน น้ำส้มสายชูจะ ช่วยไล่คราบฝุ่นออกจากตัวเครื่องและป้องกันการอุดตันได้ด้วย

61. วิธีทำความสะอาดกรอบกระจกเงาหรือกรอบรูปภาพ ให้มองดูใหม่คือ ให้เอาน้ำมัน ชุบผ้าทาตรงส่วนที่เป็นกรอบแล้วรอจนแห้งแล้วจะมองดูใหม่ขึ้น

62. วิธีทำความสะอาดเครื่องแก้วโดยไม่ต้องเช็ดคือ ใช้น้ำผสมแอลกอฮอล์ล้าง น้ำผสมผสมแอลกอฮอล์จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกออกได้ง่าย ข้อสำคัญจะแห้งได้เอง โดยไม่ต้องเช็ดด้วยผ้าอีกครั้ง

63. วิธีขจัดกลิ่นเหม็นอับในตู้กับข้าวให้หอมสดชื่นคือ ใช้ปูนขาวเล็กน้อยใส่ชามใบ ย่อมไปวางมุมใดมุมหนึ่งของตู้กับข้าว ทิ้งไว้ประมาณ3-4วัน กลิ่นอับชื้นก็จะ ค่อยจางหายไป

64. วิธีทำความสะอาดคราบสกปรกที่ติดกระเบื้องปูห้องน้ำมีวิธีทำคือ ราดด้วยน้ำให้ทั่ว แล้วเอาเกลือแกงโรยลงบนแปรงขัดทั้งห้องน้ำหรืออาจจะโรยเกลือที่ผ้าเปียกน้ำ แล้วขัดพื้นให้ทั่ว เพียงเท่านี้ ห้องน้ำกระเบื้องของคุณก็จะสะอาดเป็นเงางาม เลยทีเดียว

65. วิธีการทำความสะอาดผ้าม่านที่เป็นใยสังเคราะห์ ควรซักด้วยมือ ก่อนซักควรปัดฝุ่นให้สะอาดก่อน หลังจากนั้นเทน้ำยาซักผ้าลงบริเวณที่เปื้อน แล้วจุ่มลงในน้ำยาซักผ้า ที่ผสมน้ำอุ่นแล้วอย่าบิด ควรคลี่ตากเพราะในเวลาแห้งจะได้ผ้าม่านที่เรียบไม่ยับยู่ยี่

66. วิธีทำความสะอาดงาช้างที่มีคราบฝุ่นติดอยู่เต็มไปหมดคือ นำมาถูด้วยมะนาวกับ เกลือ แล้วล้างออกด้วยน้ำสบู่แล้วเอางาช้างวางไว้กลางแดดทั้งๆ ที่ยังเปียกน้ำน้ำสบู่อยู่ ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด เมื่อแห้งแล้วขัดด้วยผ้าสักหลาด ก็จะได้งาช้างสะอาดดังเดิม

67. วิธีทำความสะอาดคราบเหลืองที่ติดตามภาชนะเคลือบสีขาวมีวิธีทำคือ ใช้น้ำมันพาราฟินถูรอยสกปรก น้ำมันพาราฟินจะช่วยขจัดคราบสกปรกคราบเหลืองของ ภาชนะเคลือบขาวได้

68. วิธีทำความสะอาดคราบดำของกาแฟที่หม้อต้มคือใช้ผงซักฟอกที่ใช้กับเครื่องซัก ผ้า 1 ช้อนโต๊ะใส่น้ำจนเต็มหม้อ แล้วแช่ไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงจึงล้างออก

69. วิธีขจัดรอยเปื้อนบนผ้าปูโต๊ะให้สะอาดคือ ให้โรยเกลือป่นตรงรอยเปื้อน ใช้น้ำ ร้อนราด แล้วนำไปแช่ในน้ำนมสดต้มด้วยไฟอ่อนๆแล้วจึงนำไปซักรอยที่เปื้อน

70. วิธีทำความสะอาดโป๊ะไฟ โคมไฟในส่วนที่ทำความสะอาดยากเช่น รอยจีบซอกเล็ก ซอกน้อย ให้ใช้ เครื่องเป่าผมเป่าลมไปตามที่มีฝุ่นละอองจับ แล้วค่อยๆ ใช้ผ้าชุบ น้ำยาล้างจานเช็ด ตามด้วยผ้า สะอาดเช็ดอีกครั้ง เพียงเท่านี้โคมไฟที่ว่าหมองจะ ใหม่สะอาดทันที

71. วิธีทำความสะอาดผ้าม่านพลาสติก ควรซักด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือน้ำยาซักผ้าที่ผสม น้ำอุ่น แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นใช้ตากลมดีกว่าตากแดด เพราะจะไม่ทำให้ผ้าม่านสี จืดจางลงไป

72. วิธีการทำความสะอาดกระจกเงาส่องหน้าให้ใสคือ นำยาสีฟันมาบีบใส่ไว้บนกระจกแล้วหาผ้าชุบน้ำมา เช็ดยาสีฟันที่บีบทิ้งไว้บนกระจก โดยถูให้ทั่วๆ กระจก แล้วใช้ผ้าเช็ดอีกครั้ง กระจกเงาที่หมอง จะดูเงางาม เป็นประกายทันที

73. วิธีทำความสะอาดคราบน้ำมันบนพื้นปูนซีเมนต์ให้สะอาดเอี่ยมคือหาขี้เถ้าที่ อยู่ใน เตาถ่านมาโรยไว้บนคราบน้ำมันที่เปื้อนพื้นปูนซีเมนต์ให้ทั่ว ทิ้งไว้สักครู่ล้างออก ด้วยน้ำให้สะอาด ขี้เถ้าก็จะดูดคราบน้ำมันออกไปจนหมดเกลี้ยง

74. วิธีทำความสะอาดรอยดินสอหรือดินสอเทียนที่ติดบนวอลล์เปเปอร์คือ ให้ใช้ เครื่องเป่าผมโดยใช้ลมร้อนจี้ตรงบริเวณนั้น แล้วหาผ้าฝ้ายชุบน้ำสบู่บิดให้ หมาด นำมาเช็ดถูตรงรอยเปื้อน รอยของสีนั้นก็จะจางหายไป

75. วิธีทำความสะอาดคราบตะกอนที่ติดฝักบัวอาบน้ำคือ สำหรับแบบที่ไม่สามารถ ถอดออกได้ ให้หาถุงพลาสติกใส่น้ำส้มสายชูพอประมาณ เอาฝักบัวใส่ไว้ถุงน้ำ ส้มสายชูแล้วผูกถุงให้แน่น ทิ้งไว้สักหนึ่งคืน นำออกมาล้างด้วยน้ำสะอาดหัวฝักบัวก็จะสะอาดและปราศจากคราบของตะกอน ทำให้น้ำไหลสะดวกขึ้น

76. วิธีทำความสะอาดสีที่เปื้อนหน้าต่างผลมาจากการทาบ้าน ให้ใช้น้ำส้มสายชูผสม น้ำเปล่า อัตราส่วน 2 : 1 ตั้งไฟให้ร้อนจัด ใช้แปรงทาสีที่สะอาดจุ่มส่วนผสมที่ยังร้อนอยู่ถูตรงบริเวณรอยเปื้อน รอยเปื้อนดังกล่าวจะหลุดออกได้เอง

77. วิธีทำความสะอาดฝุ่นผงออกจากหมอนอิง ใช้เครื่องอบผ้าก็ได้ โดยตั้งไว้ที่ อุณหภูมิต่ำๆ แล้วใส่ ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดพอหมาดลงไปด้วย

78. วิธีทำความสะอาดพื้นที่ทำด้วยไวนิลให้สะอาดหมดจดมีวิธีทำง่ายๆ คือ นำน้ำอุ่น ผสมกับน้ำส้มสายชูในอัตราส่วนเท่าๆ กัน แล้วนำมาล้างพื้นไวนีล เช็ดให้แห้งพื้นก็จะสะอาดสดใสทีเดียว

79. วิธีทำความสะอาดคราบน้ำมันที่ติดอยู่บนวอลล์เปเปอร์ ใช้แป้งฝุ่นผสมน้ำยาทำความสะอาด แล้วนำมาป้ายตรงจุดที่สกปรก ปล่อยทิ้งไว้จนแห้ง ใช้ผ้านุ่มๆ เช็ดออก คราบน้ำมันก็จะติดออกมาด้วย

80. วิธีทำความสะอาดพรมที่เปื้อนคราบน้ำมัน ให้เทเบกกิ้งโซดาลงตรงบริเวณที่ เปื้อนคราบน้ำมัน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดตรง รอยเปื้อนน้ำมันนั้น คราบก็จะจางหายไป

81. วิธีทำความสะอาดคราบสกปรกที่เปื้อนกระเบื้องเคลือบ ให้ใช้ส่วนผสมของไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ และครีมออฟทาร์ทาร์อย่างละเท่ากัน ทาให้ทั่วแล้วล้าง ออกตามปกติ จะทำให้คราบสกปรกนั้นหายไป

82. วิธีทำความสะอาดคราบสนิมออกจากถัง ทำได้โดยใช้น้ำมะนาวใส่ลงไปในบริเวณ ที่เป็นสนิม ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วล้างออกคราบสนิมก็จะหลุดออกไปด้วย

83. วิธีทำความสะอาดพื้นโรงรถที่เปื้อนน้ำมันเครื่อง ให้โรยด้วยทราย ทิ้งไว้ 1 คืน กวาด ทรายออกไป คราบน้ำมันก็จะหลุดออกไปด้วยกับทรายนั่นเอง

84. วิธีทำความสะอาดหน้าต่างกระจกให้ใสสะอาด ผสมน้ำกับน้ำส้มสายชู 1 : 2 ส่วน แล้วนำไปใส่ในขวดสเปรย์ นำไปฉีดบนหน้าต่างกระจก แล้วใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ เช็ดอีกที หน้าต่างกระจกจะใสจริงๆ

85. วิธีทำความสะอาดเปียโนควรใช้แวกซี่ทำความสะอาดดีที่สุดเพราะสารทำความสะอาด อย่างอื่นอาจจะทำให้ไม้โค้งงอได้

86. วิธีทำความสะอาดเครื่องถ้วยชามคริสตัลให้ดูเป็นประกายเงางาม ให้ใช้ผ้าหนังสัตว์เช็ด ผ้าผนังสัตว์จะกำจัดฝุ่นผง และคราบน้ำออกได้ง่ายกว่าผ้าชนิดอื่นๆ

87. วิธีทำความสะอาดคราบเทียนไขที่ติดแน่นออกจากเชิงเทียน มีวิธีทำง่ายๆ คือ ใส่เชิงเทียนในช่องแช่แข็งทิ้งไว้สักครู่ จะสามารถเอาคราบเทียนออกได้ง่ายและหมดจดทีเดียว

88. วิธีทำความสะอาดทัปเปอร์แวร์ให้หมดกลิ่นอับคือ ให้ผสมวานิลลาสกัด 2 ช้อนโต๊ะกับ น้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง แล้วใช้ผ้าชุบเช็ดให้ทั่วกลิ่นอับต่างๆ จะจางหายไป

89. วิธีทำความสะอาดคราบตะกอนที่ติดอยู่ในแจกันดอกไม้ ให้ออกได้โดยง่ายคือ ใช้เม็ดทำความสะอาดฟันปลอมใส่ไว้ในแจกันโดยให้มีน้ำติดอยู่นิดหน่อย เพื่อที่จะ ทำให้เกิด ฟองฟู่ แล้วดึงเอาตะกอนออกมา

90. วิธีทำความสะอาดผ้าม่าน ทำได้โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากป้ายที่ติดมากับผ้าม่าน แล้วจุ่มลงไปในอ่างน้ำอุ่นที่ผสมกับเกลือ 1 ถ้วย แล้วแขวนผ้าม่านให้แห้ง โดยแผ่ให้หมดเนื้อผ้า จะทำให้ผ้าม่านสะอาดและไม่ยับอีกด้วย

91. วิธีการทำความสะอาดตู้ปลาหรืออ่างปลาใช้ฟองน้ำชุบเกลือป่นเช็ดถูให้ทั่ว เพราะ เกลือจะช่วยฆ่าเชื้อโรคที่ติดอยู่ในตู้หรืออ่างปลา และทำให้ตู้ปลาสะอาดหมดจด อีกด้วย

92. วิธีการทำความสะอาดคราบไขมันที่เปรอะเปื้อนจานชาม หม้อ และภาชนะในครัว ให้ ล้างด้วยน้ำอุ่นกับน้ำยาล้างจาน จะทำให้การล้างเป็นไปได้ง่ายขึ้น

93. วิธีการทำความสะอาดกรอบรูปที่ปิดทอง ควรใช้ผ้าแห้งเช็ดฝุ่นให้ออกก็พอแล้ว เพราะ ถ้าใช้ผ้าชุบน้ำจะทำให้ทองที่ปิดอยู่ลอกออกหมด

94. วิธีทำความสะอาดคราบราที่ติดอยู่บนหนังสัตว์ที่ประดับตกแต่งบ้านเรือน ให้ใช้ผ้านุ่มๆ จุ่มแอลกอฮอลล์ผสมน้ำเช็ดให้ทั่วแล้วตากไว้ในที่ร่ม รอยเปื้อนคราบนหนังสัตว์จะหายไป

95. วิธีทำความสะอาดคราบเขม่า หรือคราบควันไฟที่ติดอยู่หน้าเตาไฟ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำส้ม สายชูที่ต้มพอร้อน เช็ดถูตามคราบเปื้อนให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้งคราบสกปรก นั้นๆ ก็จะออกไป

96. วิธีขจัดกลิ่นลูกเหม็นที่ติดเสื้อผ้า มีวิธีทำง่ายๆ คือ นำเสื้อนั้นไปพรมน้ำให้แค่ชุ่มพอ แล้วนำเสื้อไปแขวนไว้ในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพียงชั่วข้ามคืนเดียว กลิ่นลูกเหม็น ที่ติดอยู่กับเสื้อผ้าก็จะจางหายไปหมด

97. วิธีทำความสะอาดคนโทแก้วที่เอามือล้วงลงไปทำความสะอาดยากให้ทุบเปลือกไข่ใส่ ลง ไป แล้วกรอกน้ำส้มสายชูตามลงไปเล็กน้อยเขย่าขวดแล้วแช่ทิ้งไว้สักครู่ เทเปลือกไข่ ออก ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกที คนโทแก้วจะมองดูสะอาดหมดจดแล้วยังปราศจากกลิ่นอีกด้วย

98. วิธีทำความสะอาดกะละมังที่เปื้อนคราบด่างทับทิม ให้ใช้เปลือกมะนาวเช็ด เพราะเปลือก มะนาวจะดูดและดึงคราบสีของด่างทับทิมออกไป

99. วิธีทำความสะอาดรอยเปื้อนบนโทรศัพท์ที่มีสีขาว มีวิธีง่ายๆคือ ใช้ผ้าชุบน้ำยาล้างเล็บเช็ดถู ให้ทั่วคราบฝุ่นและรอยเปื้อนต่างๆ ก็จะหายไป

100. วิธีการขจัดขนสุนัขออกจากพรม มีวิธีทำง่ายๆ คือ ใช้ฟองน้ำ ชุบน้ำบิดพอหมาดๆ มาซับ จะสามารถซับขนสุนัขออกได้โดยง่าย


------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก ไทยโฮมมาสเตอร์




สารพัดวิธีขจัดรอยเปื้อนที่คุณแม่ควรรู้

นอกจากคุณแม่จะเหน็ดเหนื่อยกับการเลี้ยงดูลูกแล้ว เมื่อถึงวัยซน เจ้าตัวเล็กมักจะหางานมาให้ทำเสมอๆ  ก็จะอะไรซะอีกคะ  มันก็คือรอยเปื้อนต่างๆที่ติดมากับเสื้อผ้านั้นเอง!!

  

 วันนี้เราจะมาเสนอวิธีขจัดรอยเปื้อนต่างๆกันว่ามีวิธีการอย่างไรกันบ้างนะคะ


เสื้อผ้าสีขาวที่เริ่มจะกลายเป็นสีเหลือง
สามารถแก้ไขได้โดยใช้เปลือกไข่ป่นละเอียด ใส่ลงไปในอ่างแช่ผ้า ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงซัก


- คราบรอยเปื้อนยางกล้วยบนผ้า ให้ใช้มะนาวผลแก่ ที่มีน้ำมากมากๆ ผ่าซีกแล้วถูลงตรงรอยเปื้อนยางกล้วย ทิ้งไว้
สักครู่ รอยเปื้อนจะจางหายไป หรือจะใช้น้ำยาไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ชุบสำลีเช็ดตรงรอยเปื้อนก็ได้ รับรองรอย
เปื้อนบนผ้าจะหายไปเลยค่ะ

- เสื้อผ่ารอยเปื้อนสนิมเหล็ก ใช้เกลือ และบีบมะนาวลงบนรอยเปื้อน แล้วนำไปซักด้วยวิธีธรรมดา ตากแดดจัดๆ

- เสื้อผ้ารอยเปื้อนยางมะตอย และกาว ใช้น้ำมันไฟแช็ค ล้างรอยเปื้อน แล้วจึงนำไปซัก

- เสื้อผ้ารอยเปื้อนน้ำหมึก ขยี้มะเขือเทศลงบนรอยเปื้อน ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง และนำไปซักด้วยวิธีธรรมดาอีกครั้ง

- เสื้อผ้ารอยเปื้อนหมึกลูกลื่น ใช้น้ำมันใส่ผมหยอดลงไปที่รอยเปื้อน และนำไปซักด้วยผงซักฟอกอีกครั้ง

- เสื้อผ้ารอยเปื้อนคราบเลือด ใช้แป้งมันกับน้ำเย็นผสมกันให้ข้นขนาดแป้งเปียก ทากระดาษพอกไว้บนรอยเลือดที่เปื้อน ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วซักน้ำ รอยเลือดนั้นจะหายไป

-เสื้อผ้ารอยเปื้อนคราบลิปสติก เอามันเปลวหมูทาตรงรอยเปื้อน หรือใช้น้ำมันหมูทา แล้วจึงซักในน้ำสบู่ร้อนๆ หรือใช้ผงซักฟอกขาว โรยตรงรอยเปื้อนแล้วขยี้ แล้วจึงซักตามปกติ / ใช้วาสลินถูตรงรอยเปื้อนแล้วนำมาซักตามปกติ / นำมาแช้ไว้ในน้ำผสมเกลือทิ้งไว้ 1 คืน จะทำให้รอยลิปสติกหาย

- เสื้อผ้ารอยคราบไขมันที่ติดเสื้อผ้า โรยแป้งฝุ่นตรงรอยเปื้อน แล้วเอากระดาษทิชชู่วางทับจากนั้น จึงใช้เตารีด
ร้อนรีดทับไว้สักครู่ จึงนำไปซักด้วยวิธีธรรมดา

- เสื้อผ้ารอยเปื้อนกาว ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดที่รอยเปื้อน นำมาแช่ในน้ำเย็น แล้วซักตามปกติ

- เสื้อผ้ารอยเปื้อนขี้ผึ้ง วางกระดาษซับบนรอยเปื้อนแล้วกดด้วยเตารีดที่ร้อน เปลี่ยนกระดาษจนกระทั่งไขทั้งหมด
ถูกดูดซับไปหมด สำหรับผ้าเนื้อบางหรือผ้าไหมให้ใช้กระดาษทิชชูซับแทนกระดาษธรรมดา และใช้เตารีดที่ไม่
ร้อนมาก
- เสื้อผ้ารอยเปื้อนไข่ ผสมน้ำซักผ้ากับน้ำอุ่น แล้วนำผ้าเปื้อนไปซัก

- เสื้อผ้า รอยคราบน้ำตาเทียน ใช้ก้อนน้ำแข็งขูดเกล็ดเทียนออกให้มากที่สุด จากนั้นจึงใช้กระดาษประกบบริเวณที่เปื้อนทั้ง 2 ด้าน แล้วใช้เตารีดอุ่นๆ รีดทับจนน้ำตาเทียนซึมออกมาติดกับกระดาษแล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ

- เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนคราบโคลน ปล่อยให้โคลนแห้ง แล้วใช้แปรงปัดออก ซักด้วยน้ำเย็นหลายๆ ครั้งจนไม่มีน้ำโคลนออกมา จึงซักด้วยผงซักซอก

- เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนคราบน้ำชา รีบเทน้ำเดือดลงบนรอยเปื้อนบนผ้าที่เพิ่งเปื้อนจนรอยจางลง จากนั้นนำไปซักในน้ำอุ่นกับสบู่ ถ้ายังไม่ออกให้ใช้น้ำยาฟอกขาวเช็ด แล้วจึงนำไปซัก

- เสื้อผ้าเปื้อนน้ำผลไม้, น้ำมันพืช นำผ้าที่เปื้อนไปขึงให้ตึงบนปากกะละมัง เทน้ำเดือดลงบนรอยเปื้อน แล้วจึงนำผ้าไปซัก

- เสื้อผ่ามีรอยเปื้อนน้ำหมึก ก่อนซักให้นำเกลือป่นโรยตรงรอยเปื้อน แล้วบีบน้ำมะนาวลงไปให้ชุ่ม ผึ่งแดดไว้ครึ่งวัน จึงค่อยนำไปซัก

- เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนกาแฟ ใช้แป้งข้าวเจ้าถูบริเวณรอยเปื้อน แล้วจึงนำไปซักตามปกติ

- เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนน้ำส้มสายชู ผสมแอมโมเนีย 1 ช้อนชา ในน้ำ 2 ถ้วย (ครึ่งลิตร) แล้วนำผ้าไปแช่ 2-3 นาที ล้างออกแล้วซักถามปกติ

- เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนช็อกโกแลต รีบนำผ้าที่เปื้อนไปแช่น้ำอุ่นทันทีที่เปื้อน อาจใช้น้ำยาขจัดคราบช่วยด้วย จากนั้นนำไปซักตามปกติ

- เสื้อผ้ารอยเปื้อนเลือด นำนมข้นหวานทาบริเวณรอยเปื้อน ทิ้งไว้สักครู่ แล้วนำไปขยี้น้ำออก

- เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนคราบเลือดจางๆ ใช้เบคกิ้งโซดาผสมน้ำสักเล็กน้อย จนข้น นำไปถูเบาๆ ตรงรอยเปื้อน เมื่อแห้งจึงปัดฝุ่นออก

- เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนคราบเลือดฝังแน่น ใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำเย็นที่ผสมเกลือจนชุ่ม ถูเบาๆ จนรอยค่อยๆ จางลง แล้วใช้น้ำเปล่าถูอีกครั้ง สุดท้ายใช้ทิชชู่ซับน้ำให้แห้ง

- เสื้อผ้าเปื้อนครีม เนย น้ำมัน นำแป้งฝุ่นทาตัวมาโรย ใช้กระดาษทิชชู่ หรือกระดาษบางอื่นๆ วางทับ นำเตารีดที่ร้อนพอสมควร วางทับบนกระดาษ จนแป้งดูดคราบมันออกหมด จึงนำ ไปซัก

- เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนสนิม นำผ้ามาชุบน้ำให้เปียกก่อน บีบน้ำมะนาวลงไปบนรอยเปื้อนทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงนำไปซักตามปกติ

- ผ้าขาวที่ออกสีเหลือง ใช้เปลือกไข่ป่นละเอียด ใส่ในกะละมังซักผ้า แช่ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงซักตามปกติ

- ผ้าขึ้นรา (เล็กน้อย) นำผ้าไปซักในน้ำสบู่ร้อนๆ หรือบีบมะนาวลงไปตรงที่มีราขึ้น แล้วแช่ผ้าไว้ในผงซักฟอกสักครู่ แล้วจึงซักผ้าตามปกติ

- เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนยาแดง เช็ดรอยเปื้อนด้วยแอมโมเนีย หรือซักด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ

- เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนยาทาเล็บ ซับที่รอยเปื้อนด้วยน้ำยาล้างเล็บ และเช็ดด้วยผ้าที่สะอาดจนรอยเปื้อนจางลง (ควรลองหยดน้ำยาทาเล็บลงผ้าก่อน)

- เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนดินสอ ใช้ยาสีฟันป้ายลงบนรอยดินสอแล้วขยี้

- รอยเปื้อนปากกาลูกลื่นติดบนผ้า ใช้ฟองน้ำชุบแอลกอฮอล์เช็ดจนรอยจางลง แล้วจึงนำไปซัก

- รอยเปื้อนหมากฝรั่งติดบนผ้า ขูดยางหมากฝรั่งออกด้วยสันมีด แล้วใช้น้ำแข็งถูเพื่อให้ยางนั้นแข็งตัว แล้วค่อยๆแกะออก จากนั้นใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ด นำไปซักในน้ำสบู่อ่อน

- คราบเหงื่อไคลติดบนผ้า ซักด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย หรือน้ำมะนาวละลายยาแก้ปวด 2 เม็ดลงในน้ำ แช่ผ้าไว้สักครู่ จึงค่อยซักตามปกติ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก ครูบ้านนอกดอทคอม


เมื่อลูกท้องเสีย

เมื่อลูกท้องเสีย


      คุณพ่อคุณแม่หลายคนที่กำลังมีลูกเล็กอยู่มักจะประสบปัญหาว่าลูกมีท้องเสียขึ้นได้ ทั้งๆที่ได้ดูแลเรื่องความสะอาดอย่างเข้มงวดแล้วก็ตาม จึงเป็นปัญหาที่ต้องพาลูกไปพบแพทย์และในบางรายที่มีอาการรุนแรงก็จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวใน ร.พ.


         สาเหตุของการเกิดท้องเสียนั้นมีได้หลายประการ และในบางครั้งก็อาจมีหลายสาเหตุร่วมกัน ซึ่งพอจะแบ่งออกได้เป็นสาเหตุจากการติดเชื้อเช่นเชื้อไทฟอยด์เชื้อบิดไม่มีตัว เชื้ออหิวาต์ หรือเชื้อโรต้าไวรัส เชื้อรา ฯลฯ และสาเหตุจากการที่ระบบการย่อยการดูดซึมของลำไส้ทำงานผิดปกติไป เช่น การที่มีระดับน้ำย่อยและเอนไซม์บางอย่างที่จำเป็นต่อการย่อยอาหารลดน้อยลงอันเป็นผลจากการอักเสบของลำไส้

        คุณแม่หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าจะดูรู้ได้อย่างไรว่าอุจจาระของลูกที่ออกมานั้นเป็นปกติหรือมีปัญหาท้องเสียเกิดขึ้นแล้ว โดยทั่วไปการนับแค่จำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระในแต่ละวันนั้น แม้ว่าจะมีหลายครั้งในหนึ่งวัน ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกมีปัญหาท้องเสีย แต่จะดูที่ลักษณะของอุจจาระว่าเป็นน้ำ หรือเป็นมูก (บางครั้งมีมูกปนเลือด) หรือเหลวเละๆ ผิดปกติ บางครั้งจะพบว่ามีกลิ่นแรง เหม็นเปรี้ยว ฯลฯ แม้เพียงครั้งเดียวก็จะถือว่ามีท้องเสียได้


ข้อควรระวัง


สิ่งสำคัญในการดูแลลูกเมื่อมีท้องเสียคือการระวังอย่าให้เกิดผลแทรกซ้อนที่จะเป็นอันตรายกับลูก ซึ่งได้แก่
       1. ภาวะขาดสารน้ำและเกลือโซเดียม, โปตัสเซียมในร่างกาย เนื่องจากอุจจาระที่ออกมานั้นจะไม่ใช่มีแต่น้ำเปล่า แต่จะเป็นสารน้ำที่มีปริมาณน้ำและเกลือโซเดียมและโปตัสเซียมอยู่ด้วยในปริมาณหนึ่ง ดังนั้นในรายที่มีท้องเสียอย่างมาก (อาจร่วมกับการที่มีอาเจียนมากด้วย) จะทำให้เกิดการสูญเสียปริมาณน้ำในร่างกายและในกระแสเลือด ทำให้มีอันตรายจนถึงช็อคได้ เช่นทำให้เกิดชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ และมีปัสสาวะน้อย ซึ่งถ้ายังไม่ได้รับการรักษาให้สารน้ำที่มีเกลือโซเดียมและโปตัสเซียมชดเชยได้ทัน ก็จะยิ่งทำให้เข้าสู่ระยะช็อคที่มากขึ้น คือเกิดภาวะเป็นกรดในเลือด (ปกติเลือดจะมีสภาวะเป็นกลาง) ทำให้การไหลเวียนของเลือดแย่ลง จนเสียชีวิตได้

        2. การติดเชื้อ ถ้าเป็นเชื้อที่มีความรุนแรง เช่น อหิวาต์ เชื้อไทฟอยด์ ฯลฯ ก็อาจจะเกิดการติดเชื้อที่ลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ และเกิดภาวะช็อคขึ้นได้เช่นกัน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดท้องเสียที่รุนแรงได้ในรายที่มีอาการหนัก
การรักษา
      ในรายที่เป็นไม่มากและไม่มีการติดเชื้อรุนแรง ก็อาจจะให้การรักษาโดยการให้ดื่มน้ำเกลือ (โอ อาร์ เอส, หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า เกลือซอง ผงเกลือแร่สำหรับท้องเสีย ฯลฯ) ซึ่งเมื่อผสมในน้ำดื่มที่สะอาดในปริมาณตามที่กำหนด ก็จะช่วยชดเชยทั้งสารน้ำและเกลือโซเดียมและโปตัสเซียมที่สูญเสียไปในอุจจาระได้ในขณะเดียวกันควรที่จะงดนมสด หรือเจือจางนมที่ให้กับลูก (เจือจาง โดยใช้เนื้อนมน้อยลงครึ่งหนึ่ง) หรือใช้นมที่เหมาะกับภาวะท้องเสีย เช่น นมถั่วเหลือง หรือนมที่ไม่มีแล็คโตส เพื่อช่วยให้การย่อยและการดูดซึมนมของลำไส้ในสภาวะที่มีการติดเชื้อในลำไส้นั้นดีขึ้น ควรงดการให้น้ำผลไม้ เช่นน้ำส้มสด เนื่องจากอาจทำให้เกิดการถ่ายเหลวได้มากขึ้น

           ส่วนการให้เครื่องดื่มหรืออาหารอื่น เช่น การดื่มน้ำอัดลม (ที่เปิดเขย่าให้แก๊สน้อยลงแล้ว) หรือการทานน้ำข้าว, โจ๊กเปล่า หรือข้าวต้มใส่เกลือ (แต่เพียงพอเค็ม)ก็จะช่วยให้การฟื้นตัวจากภาวะท้องเสียกลับเป็นปกติได้เร็วขึ้น

        ดังนั้นการดูแลเด็กที่มีการติดเชื้อท้องเสียจึงต้องเข้าใจในสิ่งเหล่านี้ และในรายที่มีท้องเสียหรืออาเจียนมาก ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อการตรวจรักษา เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่อาจจะไม่มีความชำนาญพอที่จะดูว่าลูกมีภาวะขาดสารน้ำและเกลือในระดับไหน และอาจจะไม่ทราบว่าควรจะให้ยาปฏิชีวนะในการรักษาท้องเสียด้วยหรือไม่ ที่สำคัญคือในปัจจุบันพบปัญหาเชื้อดื้อยากันมากขึ้น ทำให้ในบางรายควรที่จะให้ลูกเข้ารับการรักษาตัวใน ร.พ. เพื่อจะได้ให้น้ำเกลือทางเส้นหลอดเลือด และให้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมได้ทันการ

*****การซื้อยาหยุดถ่ายให้เด็กทานนั้นนอกจากจะไม่เป็นการรักษาที่ถูกต้องแล้วจะยังอาจเป็นอันตรายได้ เพราะไม่ได้เป็นการรักษาที่ตรงสาเหตุ เนื่องจากไม่ได้แก้ไขภาวะขาดน้ำ และไม่ได้ให้ยาขจัดเชื้อ แต่อาจจะดูเหมือนอาการถ่ายท้องทุเลาลงไปชั่วคราว แต่การติดเชื้อยังอยู่และอาจจะลุกลามได้ง่าย ทางการแพทย์จึงไม่แนะนำให้ซื้อยาหยุดถ่ายมารักษาเอง


 การป้องกัน


    การติดเชื้อท้องเสียนี้แม้ว่าเป็นแล้วก็อาจจะเป็นอีกได้  ขึ้นกับการเอาใจใส่เรื่องสุขอนามัยและความสะอาดของแต่ละบ้าน เช่น บ้านที่มีสัตว์เลี้ยง (เช่น สุนัข, แมว, ไก่,นก) ซึ่งมักจะออกไปคุ้ยหาเศษอาหารจากที่ต่างๆและจะมีเชื้อติดตามตัวและปากของมันมา เมื่อมาเล่นกับเราหรือลูก ก็จะทำให้เด็กได้รับเชื้อท้องเสียได้ หรือบ้านที่ไม่ได้มีถังเก็บขยะที่ปิดให้มิดชิด และมีแมลงวันมาก ก็จะเกิดปัญหาท้องเสียได้ง่าย เนื่องจากแมลงวันสามารถนำเชื้อท้องเสียมาไต่ตอม จานหรือจุกนมของลูกได้ หรือบางบ้านไม่ได้เก็บภาชนะที่ล้างแล้วให้มิดชิดในตู้ (หรือใช้ฝาชีปิด) พอตกกลางคืนอาจมีแมลงสาบ, หนู !! ขึ้นมาตามท่อน้ำทิ้ง และไต่ไปตามถ้วยจานชามที่ล้างแล้ว ทำให้เชื้อท้องเสียมาติดอยู่ตามภาชนะ พอถึงเวลาเช้าขึ้นมา เมื่อนำภาชนะเหล่านี้มาใช้ใส่อาหารให้ลูก ก็เกิดติดเชื้อท้องเสียได้

     นอกจากนี้แล้วมาตรการอื่นๆ เช่น การขยันล้างมือ, การไม่ใช้ผ้าเช็ดมือผืนเดียวกันกับผ้าเช็ดโต๊ะ( จนกลายเป็นผ้าเก็บเชื้อโรค), การไม่ปล่อยให้เด็กคลานไปทั่ว (บางรายคลานไปเอารองเท้ามาใส่เข้าปาก!!) ก็จะช่วยลดโอกาสเกิดการติดเชื้อท้องเสียลงได้ รวมถึงการจัดระเบียบในตู้เย็น และการเก็บของ(อาหารสดและอาหารที่ทานไม่หมด) โดยมีการจัดเก็บแยกจากกัน และมีฝาปิดหรือมีพลาสติกปิดคลุมกันการหกหรือปนเปื้อน และปรับอุณหภูมิของตู้เย็นให้เย็นจัดพอ ก็จะช่วยลดการบูดเสียของอาหาร

      และที่สำคัญที่สุดคือการเลือกทานอาหารและน้ำที่สุกและสะอาดเสมอ ก็จะช่วยทำให้ทุกคนในบ้านปลอดภัยและห่างไกลจากโรคท้องเสียได้

------------------------------------------------------------------------------------------------------
นพ.ประสงค์ พฤกษานานนท์
คลินิกเด็ก.คอม





การเลือกของเล่นให้เด็ก


การเลือกของเล่นให้เด็กเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย พ่อแม่ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเลือกของเล่นที่ยากเกินไปสำหรับเด็ก 
        ในเด็กที่เริ่มหัดเล่น พบว่าของเล่นที่ยากเกินความสามารถของเด็กจะทำให้ความตื่นเต้นในของเล่นใหม่ลดลง และเด็กจะให้ความสนใจน้อยมาก นอกจากนี้ความชอบของเด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันด้วย เด็กมักชอบของเล่นที่ใช้ถือหรือกด ซึ่งมีทั้งยากและง่าย ฉะนั้นการเลือกจึงควรเริ่มต้นจากของเล่นที่ง่ายก่อนแล้วจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นยากขึ้นตามลำดับ เพื่อไม่ให้เด็กเกิดความรู้สึกขาดความมั่นใจ ดีที่สุดควรเลือกของเล่นที่ต่ำกว่าอายุเล็กน้อย สำหรับเด็กที่ขาดประสบการณ์ในการเล่น นอกจากไม่สามารถเล่นได้เท่ากับระดับอายุของเขาแล้ว เด็กยังต้องการคำแนะนำจากผู้ใหญ่อีกด้วย ตัวอย่างเช่น เด็กอายุ 8 ปี ที่มีความสามารถในการทำสิ่งต่างๆ ได้เทียบเท่าเด็กอายุ 3 ขวบ ของเล่นสำหรับเขาก็ไม่ควรสูงเกินระดับอายุ 3 ขวบ เช่นกัน
    ประเภทของของเล่นสำหรับเด็ก 
    1. ของเล่นประเภทที่เด็กชอบ ของเล่นที่ทำให้เด็กพอใจ คือ ของเล่นที่เด็กสามารถเล่นได้ด้วยตัวเอง ในกรณีที่เด็กไม่สามารถบอกได้ว่าชอบแบบไหน ผู้ใหญ่ควรจะทราบเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กชอบในชีวิตประจำวันเสียก่อน แล้วจึงค่อยดึงเอาของเล่นของเล่นรวมเข้าไปด้วย เช่น ถ้าเด็กชอบเสียง ก็ควรเลือกของเล่นประเภทที่มีเสียง เช่น เสียงร้องสัตว์ พวกลากจูงของประเภทที่ใช้ฆ้อนตอกลงไปในรู กล่องที่มีช่องคล้ายตู้ไปรษณีย์เมื่อหย่อนของเล่นลงไปจะทำให้เกิดเสียง ปัจจุบันมีของเล่นที่มีประโยชน์มากมายซึ่งช่วยให้เด็กได้ระบายอารมณ์ เช่น กดปุ่มแล้วมีหน้าสัตว์ยื่นออกมา ดันสวิทซ์แล้วทำให้เกิดเสียงดนตรี เคาะปุ่มแล้วมีรูปภาพปรากฏขึ้น เราสามารถเลือกของเล่นตามความชอบของเด็ก ซึ่งนอกจากเป็นการให้รางวัลกับเด็กแล้วยังสามารถทำให้เด็กมีความสนใจในของเล่นที่ยาวนานอีกด้วย นั่นหมายความว่าเราประสบความสำเร็จในการเลือกของเล่นที่ดีที่สุดให้กับลูก 
       
    2. ของเล่นที่เหมาะสมกับวัยตามพัฒนาการของเด็ก 

- อายุ 0-6 เดือน ของเล่นประเภทที่เด็กสามารถไขว่คว้าได้ พวกโมบาย กระดิ่ง กระจก ของเล่นที่เกี่ยวกับการมอง การถือ ประเภทที่เกี่ยวข้องกับปาก พวกดูด กัด ที่เด็กสามารถเอาเข้าปากได้  


- อายุ 6- 12 เดือน ของเล่นที่ใช้บีบ เพื่อให้เกิดเสียง ระฆัง สำหรับจับเขย่าของเล่นที่ใช้สำหรับลากดึง แท่งไม้ใหญ่ๆ สำหรับต่อเป็นรูปตึกเอามาเรียงตามแนวตั้งและแนวนอน  

- อายุ 12-18 เดือน ของเล่นประเภทให้เด็กตอก ดินสอเทียนสำหรับขีดเขียน แต่ไม่ใช่สำหรับการวาดรูป ลูกบอล ฆ้อน ของที่ใช้เสียบใส่ตามช่อง ทราย น้ำ สำหรับให้เด็กเล่น สมุดภาพสำหรับให้เด็กดู 

- อายุ 18 เดือน - 2 ขวบ กล่องที่มีช่อง 3-4 ช่อง สำหรับใส่แท่งพลาสติกทีมีรูปทรงต่างๆ ฆ้อนตอก หรือที่ใช้กด ห่วงกลมที่มีราวให้สามารถเลื่อนไปมาได้ ดินสอเทียน สำหรับให้เด็กเริ่มต้นเลียนแบบเส้นตรง สมุดภาพสัตว์ สิ่งของเครื่องใช้ เพื่อให้เด็กรู้จักสามารถเรียกชื่อได้ รถยนต์ ตุ๊กตา ของเล่นนุ่มๆ แท่งไม้ชิ้นเล็กๆ สำหรับต่อบ้าน 

- อายุ 2-3 ขวบ  กล่องที่มีช่องหลายช่องสำหรับใส่รูปทรงต่างๆ ที่ตัดกระดาษ ก้อนไม้สีต่างๆ สำหรับจับคู่สี ของเล่นที่ใช่สร้างบ้าน ดินสอเทียน ดินสอสีไว้ระบายสมุดภาพ ลูกปัดโตๆ สำหรับให้เด็กร้อย 

- อายุ 3- 4 ขวบ  ภาพง่ายๆ 6 ชิ้นขึ้นไปเพื่อให้เด็กต่อ แท่งรูปทรงต่างๆ ที่ยากขึ้นสำหรับให้เด็กหยิบใสตรงช่อง รูปภาพสัตว์ สิ่งของง่ายๆ ให้เด็กจับคู่ ของเล่นที่ใช้ต่อประดิษฐ์สิ่งก่อสร้าง บ้านตุ๊กตา ที่ตัดกระดาษ กรรไกร 

    พ่อแม่ส่วนใหญ่ต้องการให้ลูกอยู่กับตัวเองตามลำพังในช่วงสั้นๆได้บ้าง เด็กที่เป็นลูกคนเดียวมักเคยชินกับการอยู่กับผู้ใหญ่ ทำให้ไม่สามารถแยกอยู่ตามลำพังคนเดียวได้ แต่บางคนก็เคยชินต่อการอยู่ตามลำพังคนเดียว จนไม่ยอมรับที่จะสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ทำให้ขาดประสบการณ์ในการเล่น ไม่สามารถพัฒนาทักษะทางสังคมได้ ดังนั้นผู้ใหญ่จึงควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วยการสอนให้เด็กรู้จักเล่น เพื่อที่เด็กจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นๆ เป็นการป้องกันปัญหาการปรับตัวที่อาจตามมาเมื่อเด็กเติบโตขึ้น 

ที่มา  หน่วยจิตเวชเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ยังจำหนังสือเรียน มานี มานะ กันได้ไหม




สมัยที่ยังเป็นเด็ก เราจะรู้จักกับ มานี มานะ ปิติ ชูใจ วีระ แต่เมื่อเราเล่าๆให้ลูกฟังว่าเราเรียนมาแบบไหน เค้าก็ยังคงนึกภาพไม่ออก วันนี้เรามาหวนอดีตกับหนังสือเรียนภาษาไทยรุ่นคุณพ่อคุณแม่กันนะคะ เผื่อใครอยากจะหัดให้ลูกอ่านตามก็ได้ ได้บรรยากาศห้องเรียนไม้สมัยเด็กดีค่ะ

Video การกำเนิดทารกตั้งแต่เป็นเชื้อจนเป็นทารก

เคยสงสัยกันไหมว่า ทารกน้อยเค้าเิกิดมาได้อย่างไร!!!! 

วิดีโอจาก youtube ชุดนี้อธิบายเรื่องราวได้น่าติดตามมาก แสดงถึงเส้นทางของเชื้ออสุจิ ที่แข่งขันกันจนกำเนิดเป็นทารกน้อย การพัฒนาการรูปร่างจากเชื้ออสุจิเป็นทารกได้อย่างไร ไปลองติดตามดูนะคะ ขอบอกว่าดูเพลินเลยค่ะ

Video สาธิตการอาบน้ำเด็กอ่อน




การอาบน้ำเด็กอ่อนอย่างถูกวิธี  มีวิธีการอย่างไร คุณแม่ทุกท่านคงได้รับการฝึกสอนจากพยาบาลที่โรงพยาบาลที่ทำคลอดกันมาบ้างแล้ว vdo สาธิตนี้ดิฉันได้มาตอนที่ไปคลอดที่โรงพยาบาลกรุงเทพเห็นว่ามีประโยชน์มากจึงได้นำมาลงไว้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่ทุกท่านนะคะ



อย่างไรก็ตามก็ขอยกเครดิตทั้งหมดให้กับโรงพยาบาลกรุงเทพ ที่ทำ vdo ดีๆ ให้กับคุณแม่มือใหม่นะคะ
หากท่านใดสนใจ บริการของโรงพยาบาลกรุงเทพก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดและบริการต่างๆ click logo ของโรงพยาบาลได้เลยนะคะ